ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2013

ทุเรียนน้ำ

" แรงกว่า 10,000 เท่า ฆ่าเซลล์มะเร็งได้มากกว่าการคีโม Chemo เสียอีก" ผลไม้รสเปรี้ยวหรือผลไม้จากต้นไม้ Graviola(ทุเรียนน้ำ) หรือ (ทุเรียนเทศ) เป็นต้นไม้มหัศจรรย์จากธรรมชาติ ที่เป็นฆาตกรเซลล์โรคมะเร็งได้10,000 เท่าดีกว่าคีโม Chemo ทำไมพวกเราจึงไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ? เพราะบริษัทยาขนาดใหญ่ต้องการที่จะทำเงิน หลังจากการต้องทุ่มเทเวลาอยู่นานหลายปีกับการวิจัย ที่พยายามที่สังเคราะห์ผลผลิตออกมาเป็นยา เพื่อนำมาขายโดยเฉพาะ ดังนั้น ตอนนี้คุณรู้แล้วว่า คุณสามารถช่วยเหลือเพื่อนที่เจ็บป่วย โดยการบอกให้พวกเขารู้ว่า หรือเพียงแค่ดื่มน้ำผลไม้รสเปรี้ยวเป็นประจำ เพื่อเป็นการป้องกัน รสชาติก็ไม่เลวมากนักหลังจากเคยชิน เพราะเป็นผลไม้ตามธรรมชาติโดยสมบูรณ์ และแน่นอนไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย หากคุณมีพื้นที่ดินเหลือว่างอยู่ในบ้าน ให้ลองปลูกสักหนึ่งต้น ส่วนอื่น ๆ ของต้นไม้นี้ก็มีประโยชน์เช่นกัน ในครั้งต่อไปถ้าต้องการดื่มน้ำผลไม้ให้ดื่มน้ำผลไม้นี้ ความสนใจอย่างมากเกี่ยวกับต้นไม้นี้ เป็นเพราะผลในการต่อต้านเซลล์มะเร็งเป็นอย่างมาก มันจะมีประสิทธิภาพที่นับจำนวนครั้งได้ ตามเงื่อนไขทางการแพทย์ มันมีผลต่อต้านเซล

ประโยชน์ของเผือก

“โอ่วไน” เป็นภาษาจีนที่แปลว่า เผือก เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงชอบทานกันไม่ว่าจะเอามาทำเป็นของหวานอย่างเช่น ข้าวเหนียวปิ้งใส่เผือก บวชเผือก เผือกทอดบัวลอยเผือก แต่การทานเผือกนั้นต้องทำให้สุกเพราะในเผือกดิบจะมีพิษ สังเกตุได้จากการที่เราปลอกเปลือกเผือก ก็จะรู้สึกคัน ถ้าใครแพ้เผือกก็จะมีอาการคันช่องปากหรือลิ้นชา เผือกมีสรรพคุณมีมากมายทีเดียวเรามาดูกัน เผือก - เผือกมีฤทธิ์เป็นกลาง เป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพและให้พลังงานไปพร้อม ๆ กัน มีรสหวานอมเผ็ดนิดหน่อยเหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร เผือกมีแคลอรีสูงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ส่วนที่ใช้ในการรับประทานคือส่วน หัว ของเผือกที่อยู่ใต้ดิน เผือกจะมีสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินบี 1 วิตามินซี และที่สำคัญมีธาตุเหล็กสูงและยังมีฟลูอออไรด์สูง ช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง เผือกยังช่วยบำรุงไต บำรุงลำใส้และแก้อาการท้องเสียอีกด้วย สรรพคุณ เผือก ถ้าคุณอยากทานเผือกเพื่อบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง วิธีใช้ ต้มเผือก 100 กรัม กับข้าว 100 กรัม ต้มให้เป็นโจ๊ก และทานได้เลย ในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้ การทานโจ๊กเผือก ก็จะทำ

มันแกว

"มันแกว...ป้องกันโรคหัวใจ" (Jicama) ด้วยกรดโฟลิกช่วยคุมปริมาณสารโฮโมซีสทีนในเลือดไม่ให้สูงเกินไป เพราะหากร่างกายมีสารโฮโมซีสเตอีนอยู่ในปริมาณสูงเกินไป หลอดเลือดจะถูกทำลาย โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ ผลคือ หลอดเลือดจะตีบ และอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนอาจตายเพราะเลือดไม่ไหลเวียน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวัน คือ 1 ถ้วยตวง (120 กรัม) ขอขอบคุณข้อมูลจากสุขกายสบายใจ

แห้วบำรุงมวลกล้ามเนื้อ

"แห้วบำรุงมวลกล้ามเนื้อ" (Water Chestnut) จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด เผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง ½ ถ้วยตวง ก็อุดมด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง ขอขอบคุณข้อมูลจากสุขกายสบายใจ

เรื่องกล้วยๆ

ทานกล้วยที่สุกจนฉ่ำผิวเปลือกคล้ำ ช่วยต้านมะเร็ง นักวิจัยชาว ญี่ปุ่นได้ระบุว่ากล้วยที่สุกเต็มที่จะสร้าง สาร TNF (Tumor Necrosis Factor) สารตัวนี้มีความสามารถที่จะต่อสู้กับเซลล์ ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็งเป็นต้น สาร TNF เป็นตัวที่ช่วยสร้าง CD4 ให้ เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยในการสร้างภูมิต้านทานในร่างกายเราให้สูงขึ้น ในจำนวน กล้วยทั้งหมด กล้วยไข่จะมีสารต้านมะเร็งมาก มีสาร TNF มากที่สุด โดยให้เลือกชนิดที่มีจุดดำๆ จะดีที่สุด คำแนะนำคือให้กินกล้วยวันละ 1-2 ใบเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอื่นๆ กล้วยทีมีผิวเหลืองและมีจุดดำๆหลายๆแห่งจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มเม็ดเลือดขาว ได้มากกว่ากล้วยที่มีผิวเขียวถึง 8 เท่า Credit : นิตยสารไม่ ลองไม่รู้เพื่อเกษตรวันนี้

สมุนไพรขับพยาธิ

ขับพยาธิ ให้ 2 สูตรค่ะ สูตรที่ 1. มะขาม Tamarind (Tamarindus indica Linn.) ส่วนที่ใช้ : เนื้อในเมล็ดแก่ สารสำคัญ : เมล็ดมี albuminoid 14- 20% ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สารเมือก และเลคติน เนื้อมะขามเปียกมีรสเปรี้ยวเนื่องจากมีสารจำพวกกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดทาทาริค กรดซิตริก ประโยชน์ : ใช้ขับพยาธิไส้เดือน และพยาธิเส้นด้ายในเด็ก วิธีใช้ : ใช้เมล็ดคั่วให้เหลืองจัด นำมาแช่น้ำเกลือให้นุ่ม กะเทาะเปลือกสีน้ำตาลแดงออก ให้เด็ก ( ผู้ใหญ่ ) รับประทานครั้งละ 20-30 เมล็ด จะช่วยขับพยาธิ สูตรที่ 2. ฟักทอง Pumpkin (Cucurbita moschata Decne) ส่วนที่ใช้ : เมล็ดแก่ สารสำคัญ : ในเมล็ดประกอบด้วยน้ำมันประมาณร้อยละ 40 แป้ง กรดอะมิโนหลายชนิด และสารคิวเคอบิติน (cucurbitine, 3-amino-3-carboxylpyrrolidine) ประโยชน์ : ใช้ถ่ายพยาธิลำไส้ โดยเฉพาะพยาธิตัวตืดได้ดี วิธีใช้ : ใช้เมล็ดแห้ง 60 กรัม ตำให้ละเอียด ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน เติมนมและน้ำปริมาตรประมาณครึ่งลิตรแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง หลังดื่มยาครั้งสุดท้าย 2 ชั่วโมง ให้รับประทานน้ำมันระหุ่ง 15 ซีซี เพื่อให้ถ่ายออก จากรายงานการทดลองในผู้ป่วย