ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2013

น้ำมะนาวโซดา

มะนาว+โซดา ฆ่าเซลมะเร็งได้ จะ + น้ำผึ้ง(แท้) ก็ยิ่งอร่อยได้อีก เห็นว่าหลายๆคน หลายๆครอบครัวที่ ต้องเสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งในแต่ละปีกันเยอะมาก และโอกาสที่จะรักษาหายก็ยาก พอดีจารย์มีโอกาสได้ เจอข้อมูลนี้มา ลองพิจารณาดูนะครับ หรือรู้แล้วจะบอกต่อเอาบุญเป็นธรรมทาน แสดงออกถึงความรักความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้กับท่านที่เป็นมะเร็งทุกท่านด้วย ก็จะเป็นบุญเป็นกุศลเป็นความดีอีกทางหนึ่งได้ครับ ด้วยรักและห่วงใย : จารย์ตรัย ....................................... มะนาว+โซดา ? มะนาว เลือกลูกเขียวๆ ใช้จำนวน 2ลูก + โซดา 1ขวด สรรพคุณ สามารถ ฆ่าเซลมะเร็งได้ผลกว่าการ คลีโมฯ 10,000เท่า อ่านว่า หนึ่งหมื่นเท่า ..... วิธีกิน กินเช้า เย็น หรือ เช้า กลางวัน และ เย็น ก็ได้ การกินมะนาว+โซดา ไม่มีผลเสียอะไรต่อร่างกายทั้งสิ้น การคลีโมฯ ยังมีผลทำให้่เซลดีๆของร่างกายต้องตายไปด้วย แต่การใช้ น้ำมะนาว+โซดา จะฆ่าเซลมะเร็งพวกนี้ได้ 100% แล้วทำไมถึงไม่มีการเผยแพร่ ออกมา ตอบแบบง่ายๆ ถ้าแพร่ออกมา อย่างเป็นทางการ บริษัทยาทั่วโลกก็เจ๊งชัยนี่คือความเลวทรามของ มนุษย์ที่เอาเปรียบมนุษย์ด้วยกัน วิธีนี้ถูกค้นพบนานแล้ว แต่ถูกปกปิ

เม็ดบัวป้องกันมะเร็งตับ

     กินเม็ดบัวป้องกันมะเร็งตับ แหล่งโปรตีนเช่นเดียวกับการกินถั่วเหลือง ที่ธัญพืชพื้นบ้านชนิดนี้สร้างความฮือฮาให้ชาวโลกคือ มีการวิจัยพบว่าเม็ดบัวมีสารแอนติออกซิแดนต์ ในปริมาณสูง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติหลายอย่าง   เช่น ชะลอการเสื่อมของอวัยวะและผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ เม็ดบัวมีประโยชน์ทางยาสูงมาก แพทย์แผนไทย แนะนำว่า ช่วยบำรุงกำลัง แก้โรคข้อต่างๆ แก้ร้อนใน กระหายน้ำส่วนแพทย์แผนจีนบอกว่า   ช่วยบำรุงไต ม้าม หัวใจ และตับซึ่งตรงกับงานวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า “ สารแอนติออกซิแดนต์จะช่วยปกป้องและบำรุงตับ โดยเฉพาะตับที่ต้องขับสารแอฟลาท็อกซิน( Aflatoxin) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับออกจากร่างกาย การกินเม็ดบัวจึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ” เม็ดบัวไทย-จีน ความเหมือนที่แตกต่าง การเลือกกิน เม็ดบัวส่วนใหญ่ที่เราเห็นทั่วไป จะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนซึ่งจะมีเมล็ดขนาดใหญ่ ผ่านการกะเทาะเปลือก ดึงดีบัว(ต้นอ่อนที่ฝังอยู่กลางเมล็ดมีสีเขียวเข้ม)ออก และอบแห้งแล้ว ส่วนเม็ดบัวไทยนั้นไม่ค่อยพบวางจำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากมีเมล็ดเล็ก จึงไม่เป็นที่นิยม แต่จากผลกา

น้ำกระชาย

ดื่มน้ำกระชายเป็นประจำ...ดีอย่างไร ?   กระชายเหลือง มีประโยชน์มากกว่ากระชายดำ ราคาถูกกว่า แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ากระชายดำมีประโยชน์มากกว่า ประโยชน์โดยรวมของกระชาย เหลือง * บำรุงกระดูก(เพราะมีแคลเซียมสูง) * บำรุงสมอง เพราะทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น * ปรับสมดุลของฮอร์โมน * ปรับสมดุลของความดันโลหิต(ความดันโลหิตที่สูงจะลดลง *ความดันโลหิตที่ต่ำจะสูงขึ้น) * แก้โรคไต ทำให้ไตทำงานดีขึ้น * ป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ * บำรุงมดลูก * แก้ปัญหาผมหงอก ผมร่วง * อาการกระเพราะปัสสาวะเกร็ง(กรณีนี้อาจใช้เม็ดบัวต้มกิน) * ควบคุมไม่ให้ต่อมลูกหมากโต * แก้ปัญหาใส้เลื่อน สรรพคุณที่เด่นๆก็คือ ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนให้ปกติ จึงเหมาะกับคนวัยทองอย่างยิ่งที่มีความผิดปกติเรื่องฮอร์โมน ...ถ้าลองดื่มครั้งแรก ๆ อาจรู้สึกรสชาติแปลกๆ ร้อนวูบ เหงื่อออกตามตัว แต่เมื่อดื่มครั้งสองครั้งร่างกายก็ปรับได้จะชินไปเองคะ..... สูตรง่ายๆได้ประโยชน์เหมือนกัน เพื่อปรับสมดุล ใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อน กับสมุนไพรฤทธิ์เย็นรวมกัน เป็นดีแน่แท้   * สูตร ๑. สูตรนี้เน้น - บำรุงไต - บำรุงกำหนัด ( ทุกย่างสด และใช้ตำในครก เพื่อคุ

ทับทิมสารพัดประโยชน์

      เมื่อกล่าวถึงทับทิม แต่ก่อนอาจดูเป็นผลไม้หายากราคาแพง   แต่ปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพง และเมื่อพูดถึงประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมก็นับว่าเป็นสิ่งที่ คุ้มค่ามากทีเดียวที่จะลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณๆ ซึ่งผลทับทิมจะดีอย่างไรเรามาตามติดกันเลยดีกว่า จากตำรับการแพทย์ โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ   เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี ซึ่งการศึกษาวิจัยในระยะหลังก็ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของ ทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น   เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น รู้จักกับทับทิม ทับทิม ( Pomegranate) หรือชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว , พ

ตะขบ

มหัศจรรย์ ตะขบ ผลไม้ไทย ด้อยราคา - มากคุณค่า วิจัยพบ "ตะขบ"มีคุณค่าเหนือกว่าผลไม้นอกหลายชนิด ผลมีใยอาหาร-แคลเซียม-โปแตสเซียมสูงดูดซับคอเลสเตอรอลลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เส้นเลือดสมองแตก เตือนคนคุมน้ำหนักผู้ป่วยเบาหวานเลี่ยงลิ้นจี่-องุ่น น้ำตาลมาก นพ.สมยศ ดีรัศมีอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าจากการที่กลุ่มวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ กองโภชนาการ ดำเนินการศึกษาวิจัยเรื่อง "ปริมาณใยอาหาร น้ำตาล และแร่ธาตุในผลไม้" โดยการเก็บตัวอย่างผลไม้จำนวน30 ตัวอย่างจากท้องตลาด 5 แห่งในเขตกทม.และปริมณฑล โดยเก็บตัวอย่างละ 2 กิโลกรัมมาวิเคราะห์ใน 2ส่วน คือ 1.วิเคราะห์น้ำตาลและน้ำ 2.วิเคราะห์ใยอาหาร โปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุ จากผลการศึกษาพบว่าผลไม้ในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 76-94กรัม มีใยอาหาร 0.5-6.3 กรัม มีน้ำตาลรวม 3-18กรัม และมีพลังงาน 33-97 กิโลแคลอรี ผลไม้ที่มีใยอาหารสูงได้แก่ ตะขบ 6.3 กรัม ฝรั่งแป้นสีทอง 3.3 กรัม ลูกหว้า 3.3 กรัม และฝรั่งกิมจู 3.1 กรัม ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม 18 กรัม องุ่นดำไร้เมล็ด (ลูกใหญ่) 15 กรัม ล