ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตะขบ


มหัศจรรย์ ตะขบ ผลไม้ไทย ด้อยราคา - มากคุณค่า

วิจัยพบ "ตะขบ"มีคุณค่าเหนือกว่าผลไม้นอกหลายชนิด ผลมีใยอาหาร-แคลเซียม-โปแตสเซียมสูงดูดซับคอเลสเตอรอลลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เส้นเลือดสมองแตก เตือนคนคุมน้ำหนักผู้ป่วยเบาหวานเลี่ยงลิ้นจี่-องุ่น น้ำตาลมาก

นพ.สมยศ ดีรัศมีอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าจากการที่กลุ่มวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ กองโภชนาการ ดำเนินการศึกษาวิจัยเรื่อง "ปริมาณใยอาหาร น้ำตาล และแร่ธาตุในผลไม้" โดยการเก็บตัวอย่างผลไม้จำนวน30 ตัวอย่างจากท้องตลาด 5 แห่งในเขตกทม.และปริมณฑล โดยเก็บตัวอย่างละ 2 กิโลกรัมมาวิเคราะห์ใน 2ส่วน คือ 1.วิเคราะห์น้ำตาลและน้ำ 2.วิเคราะห์ใยอาหาร โปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุ จากผลการศึกษาพบว่าผลไม้ในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 76-94กรัม มีใยอาหาร 0.5-6.3 กรัม มีน้ำตาลรวม 3-18กรัม และมีพลังงาน 33-97 กิโลแคลอรี

ผลไม้ที่มีใยอาหารสูงได้แก่ ตะขบ 6.3 กรัม ฝรั่งแป้นสีทอง 3.3 กรัม ลูกหว้า 3.3 กรัม และฝรั่งกิมจู 3.1 กรัม ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม 18 กรัม องุ่นดำไร้เมล็ด (ลูกใหญ่) 15 กรัม ลิ้นจี่จักรพรรดิ13 กรัม สละ 13 กรัม และองุ่นแดง(ลูกใหญ่) 13 กรัม ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่เนื้อมะพร้าวอ่อน 3 กรัม ลูกหว้า 5 กรัมลูกตาลอ่อน 5 กรัม ราสพ์เบอรี่ 6 กรัมและแคนตาลูป (เขียว) 6 กรัม

"ผลไม้ส่วนใหญ่มีพลังงานน้อย เพราะมีน้ำเป็นองค์ประกอบค่อนข้างมากจากการศึกษาครั้งนี้พบตะขบและมะม่วงเขียวเสวยดิบมีพลังงานมากกว่าผลไม้อื่น คือ มี 97และ 87 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม"นพ.สมยศกล่าว

อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่าสำหรับปริมาณแร่ธาตุ โซเดียม โปแตสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ในผลไม้ 100 กรัม พบว่า มีโปแตสเซียม 106-773 มิลลิกรัม โซเดียม 0.7-19.8มิลลิกรัม แคลเซียม 0.3-108 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส 0-60.7 มิลลิกรัม ผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง ได้แก่ตะขบ 773 มิลลิกรัม เชอรี่นอก 486 มิลลิกรัมเนื้อมะพร้าวอ่อน 381 มิลลิกรัม และน้ำมะพร้าวอ่อน 330มิลลิกรัม ส่วนผลไม้ที่มีโซเดียมสูง คือ ลูกท้อสด มีโซเดียม 19.8มิลลิกรัม ราสพ์เบอรี่ 16.7 มิลลิกรัม ตะขบ 12.8มิลลิกรัม ผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง คือ ตะขบ มีแคลเซียม 108 มิลลิกรัม ผลไม้ที่มีฟอสฟอรัสสูง คือ ลูกหว้า มีฟอสฟอรัส 60.7 มิลลิกรัม ตะขบ 51.7 มิลลิกรัม

จากการศึกษาครั้งนี้พบตะขบฝรั่งและ ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก เช่น ลิ้นจี่และองุ่น อาจเป็นผลไม้ที่ควรระวังหรือต้องห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแต่แนะนำให้กินเนื้อมะพร้าวอ่อนหรือลูกตาลอ่อนทดแทนได้ เพราะมีน้ำตาลน้อยส่วนผลไม้ที่มีโซเดียมน้อยจะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขณะที่ปริมาณโปแตสเซียมในผลไม้จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่พบซึ่งหากมีมากอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังบางชนิดได้รวมการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้เช่นกัน

http://www.yutcareyou.com/index.php?option=com_content&task=view&id=712&Itemid=45

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากสีดา

สรรพคุณและประโยชน์ของฝรั่ง 33 ข้อ !  ฝรั่ง ชื่อสามัญ Guava ฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn. จัดเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก และคาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธุ์ในบ้านเราที่นิยมนำมารับประทานสดๆ ก็ได้แก่ฝรั่งกิมจู ฝรั่งเวียดนาม ฝรั่งแป้นสีทอง ฝรั่งไร้เมล็ด ฝรั่งกลมสาลี่ เป็นต้น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด ในฝรั่งน้ำหนัก 165 กรัม จะให้วิตามินสูงถึง 377 มิลลิกรัม ! มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 5 เท่า ! คำแนะนำ : การรับประทานฝรั่งไม่ควรจะปอกเปลือกทั้งนี้เพื่อคงคุณค่าของสารอาหาร และไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป ถ้าเป็นไปได้ไม่ควนรับประทานร่วมกับพริกเกลือน้ำตาลหรืออื่นๆ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้เราอ้วนขึ้นอีกด้วย คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ 165 กรัม • พลังงาน 112 กิโลแคลอรีสรรพคุณของฝรั่ง • เส้นใยอาหาร 8.9 กรัม 36% • โปรตีน 4.2 กรัม 8% • ไขมัน 1.6 กรัม 2% • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม 8% • วิตามิน

ประโยชน์ดีดีจากกีวี

กีวี

ประโยชน์ของเผือก

“โอ่วไน” เป็นภาษาจีนที่แปลว่า เผือก เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงชอบทานกันไม่ว่าจะเอามาทำเป็นของหวานอย่างเช่น ข้าวเหนียวปิ้งใส่เผือก บวชเผือก เผือกทอดบัวลอยเผือก แต่การทานเผือกนั้นต้องทำให้สุกเพราะในเผือกดิบจะมีพิษ สังเกตุได้จากการที่เราปลอกเปลือกเผือก ก็จะรู้สึกคัน ถ้าใครแพ้เผือกก็จะมีอาการคันช่องปากหรือลิ้นชา เผือกมีสรรพคุณมีมากมายทีเดียวเรามาดูกัน เผือก - เผือกมีฤทธิ์เป็นกลาง เป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพและให้พลังงานไปพร้อม ๆ กัน มีรสหวานอมเผ็ดนิดหน่อยเหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร เผือกมีแคลอรีสูงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ส่วนที่ใช้ในการรับประทานคือส่วน หัว ของเผือกที่อยู่ใต้ดิน เผือกจะมีสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินบี 1 วิตามินซี และที่สำคัญมีธาตุเหล็กสูงและยังมีฟลูอออไรด์สูง ช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง เผือกยังช่วยบำรุงไต บำรุงลำใส้และแก้อาการท้องเสียอีกด้วย สรรพคุณ เผือก ถ้าคุณอยากทานเผือกเพื่อบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง วิธีใช้ ต้มเผือก 100 กรัม กับข้าว 100 กรัม ต้มให้เป็นโจ๊ก และทานได้เลย ในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้ การทานโจ๊กเผือก ก็จะทำ