ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เก๋ากี้

**โกจิเบอร์รี่" หรือที่เราคุ้นเคยเรียกกันว่า เก๋ากี้**

**สรรพคุณ**

1. ประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด (ปกติมี 20 ชนิด)
แต่มีกรดอะมิโนครบทั้ง 9 ชนิด

2. มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องกายในปริมาณน้อย รวม 21 ชนิด ที่สำคัญ
ได้แก่ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และ
เจอร์มาเนียม ฯลฯ

3. มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า (เป็นพืชที่มีวิตามินิซีสูงเป็นอันดับสอง
รองจาก คามู คามูเบอร์รี่)

4. มีวิตามิน บี1 บี2 บี6 และวิตามินอี

5. มีสารโพลี่แซคคาไรด์ 4 ชนิด : LBP-1, LBP-2, LBP-3, LBP-4 - ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลดี
- ช่วยปรับความดันโลหิตให้ปกติ
- ช่วยให้น้ำตาลในเลือด และอินซูลินอยู่ในสภาวะสมดุล
- ช่วยลดน้ำหนัก โดยเสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนไขมัน
- ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้สู่ปกติได้เร็วขึ้น

6. มีสารเจอร์มาเนี่ยม Germanium : Ge ที่อยู่ในสภาพอินทรีย์ (organic)
ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง

7. มีสารซิแซนทิน(Zeaxanthin) มีสูงถึง162 มก./100 กรัมสูงกว่าสาหร่ายเกลียวทองประมาณ 5 เท่า
- ช่วยบำรุงสายตา และป้องกันแสงสีน้ำเงินที่ทำลายดวงตา
- ช่วยผู้มีอาการ ต้อลม ตาพร่า ตามัว ให้คืนสู่สภาพปกติ

8. เบต้า - ไซโตสเตอรอล (Beta - sitosterol)
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยการดูดซึมที่ลำไส้
- ช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโต
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพน้ำอสุจิให้แข็งแรง

9. ไซเพอโรน (Cyperone) ช่วยให้หัวใจและความดันทำงานได้ปกติ

10. ไฟซาลิน (Physalin) ช่วยกำจัดโรคร้าย ลิวคีเมีย (Leukemia)

11. บีรเทน (Betaine) เป็นสารประกอบที่ให้ตับใช้ ผลิตโคลีน
ซึ่งเป็นสารประกอบที่
- ช่วยให้มีความจำดี
- ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโต
- ช่วยป้องกันโรคตับ

12. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ในบรรดาผักและผลไม้อื่นๆ คือ มีค่า ORAC สูง 25,300 unite

ขอขอบคุณข้อมูลจาก siamnutra.igetweb

เก๋ากี้ (Chinese Wolfberry)

เก๋ากี้ เป็นผลของต้นเก๋ากี้ เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้รับประทาน
กันในหมู่ชาวจีน
ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้"
เป็นยาบำรุงชั้นดี ในอดีต เป็นผลไม้บรรณาการที่ใช้ถวายแด่ฮ่องเต้
เก๋ากี้ มีปลูกทั่วไปในประเทศจีน แต่ที่ปลูกในมณฑล หนิงเซี่ย กานซู่ เหอเป่ย ส่านซี
เก๋ากี้ที่ดีต้องมีเม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อหนา อ่อนนิ่ม รสหวาน

*การเก็บรักษา**
ควรเก็บไว้ในที่แห้ง ระวังอย่าให้ชื้น มิฉะนั้นจะทำให้เสื่อมคุณภาพ หรือขึ้นรา

ส่วนที่ใช้ : ส่วนที่ใช้กันมากคือเมล็ด
สารสำคัญ : แคโรทีน, ไทอามีน, วิตามิน ซี เอ และบี 2, น้ำตาล, โปรตีน
สรรพคุณ : แก้ไอ วิงเวียนศีรษะ บำรุงไต เลือด ตับ และสายตา
ใน Compendium of Materia Medice ของจีน บันทึกไว้ว่า
 เก๋ากี้ บำรุงไต  บำรุงปอด บำรุงสายตา รักษาโรคตาบอดกลางคืน

**ตำรับยา**

**ปวดหลัง ปวดเอว**
เก๋ากี้ และ โต่วต๋ง จำนวนพอเหมาะ ต้มน้ำรับประทาน หรือใช้ปรุงอาหาร

**บำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย**
เก๋ากี้ ตังกุย โสมคน เส็กตี่ ปาเก็ก อย่างละพอเหมาะ ต้มน้ำ รับประทาน

**บำรุงประสาท กล่อมประสาท ทำให้หลับสบาย**
เม็ดเก๋ากี้ เนื้อลำไยแห้ง อย่างละ 1 ลิตร เติมน้ำ 10 ลิตร
ต้มจนเนื้อยาเปื่อย  กรองเอากากยาทิ้ง เคี่ยวต่อจนได้น้ำข้นๆ
รับประทานครั้งละ  2 – 3 ช้อนโต๊ะ วันละหลายๆครั้ง

**แก้อาการตามัว ตาบอดกลางคืน**
ดอกเก๊กฮวย ปาเก็ก และเก๋ากี้ จำนวนพอเหมาะ ต้มน้ำ รับประทาน














โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากสีดา

สรรพคุณและประโยชน์ของฝรั่ง 33 ข้อ !  ฝรั่ง ชื่อสามัญ Guava ฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn. จัดเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก และคาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธุ์ในบ้านเราที่นิยมนำมารับประทานสดๆ ก็ได้แก่ฝรั่งกิมจู ฝรั่งเวียดนาม ฝรั่งแป้นสีทอง ฝรั่งไร้เมล็ด ฝรั่งกลมสาลี่ เป็นต้น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด ในฝรั่งน้ำหนัก 165 กรัม จะให้วิตามินสูงถึง 377 มิลลิกรัม ! มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 5 เท่า ! คำแนะนำ : การรับประทานฝรั่งไม่ควรจะปอกเปลือกทั้งนี้เพื่อคงคุณค่าของสารอาหาร และไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป ถ้าเป็นไปได้ไม่ควนรับประทานร่วมกับพริกเกลือน้ำตาลหรืออื่นๆ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้เราอ้วนขึ้นอีกด้วย คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ 165 กรัม • พลังงาน 112 กิโลแคลอรีสรรพคุณของฝรั่ง • เส้นใยอาหาร 8.9 กรัม 36% • โปรตีน 4.2 กรัม 8% • ไขมัน 1.6 กรัม 2% • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม 8% • วิตามิน

ประโยชน์ดีดีจากกีวี

กีวี

ประโยชน์ของเผือก

“โอ่วไน” เป็นภาษาจีนที่แปลว่า เผือก เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงชอบทานกันไม่ว่าจะเอามาทำเป็นของหวานอย่างเช่น ข้าวเหนียวปิ้งใส่เผือก บวชเผือก เผือกทอดบัวลอยเผือก แต่การทานเผือกนั้นต้องทำให้สุกเพราะในเผือกดิบจะมีพิษ สังเกตุได้จากการที่เราปลอกเปลือกเผือก ก็จะรู้สึกคัน ถ้าใครแพ้เผือกก็จะมีอาการคันช่องปากหรือลิ้นชา เผือกมีสรรพคุณมีมากมายทีเดียวเรามาดูกัน เผือก - เผือกมีฤทธิ์เป็นกลาง เป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพและให้พลังงานไปพร้อม ๆ กัน มีรสหวานอมเผ็ดนิดหน่อยเหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร เผือกมีแคลอรีสูงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ส่วนที่ใช้ในการรับประทานคือส่วน หัว ของเผือกที่อยู่ใต้ดิน เผือกจะมีสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินบี 1 วิตามินซี และที่สำคัญมีธาตุเหล็กสูงและยังมีฟลูอออไรด์สูง ช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง เผือกยังช่วยบำรุงไต บำรุงลำใส้และแก้อาการท้องเสียอีกด้วย สรรพคุณ เผือก ถ้าคุณอยากทานเผือกเพื่อบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง วิธีใช้ ต้มเผือก 100 กรัม กับข้าว 100 กรัม ต้มให้เป็นโจ๊ก และทานได้เลย ในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้ การทานโจ๊กเผือก ก็จะทำ