ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทุเรียนเทศ

   
         ทุเรียนเทศ มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง ดีกว่าครีโม! ผลการรับรองจากแล็บมากมายกล่าวว่า ผลไม้ชนิดนี้สามารถฆ่าเซลมะเร็งได้มากกว่า 12 ชนิด ซึ่งรวมถึงมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกมาก มะเร็งปอด และมะเร็งตับอ่อน ผลจากการรับประทานยาที่สกัดจากทุเรียนเทศ หรือการนำใบมาต้มเป็นชาแล้วรับประทาน จะช่วยในการฆ่าเซลมะเร็ง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำคีโมถึง 10,000 เท่า แต่ไม่ทำร้ายเซลดีในร่างกาย ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลไม้มหัศจรรย์นี้จะช่วยสู้เซลมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดการคลื่นเหียนวิงเวียน หรือเกิดอาการผมร่วงเหมือนกับการทำคีโม เพราะส่วนผสมนั้นเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่มีเคมีใดๆ และช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้ผู้ป่วยที่รับประทานยาสกัดจากทุเรียนน้ำมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ช่วยให้มีกำลังวังชา ในส่วนที่กินได้ของทุเรียนเทศ 100 กรัม พบว่ามีน้ำ 83.2 กรัม ให้พลังงาน 59 กิโลแคลลอรี, ไขมัน 0.2 กรัม, คาร์โบไฮเดรท 15.1 กรัม, เส้นใย 0.6 กรัม, โปรตีน 1.0 กรัม, แคลเซียม 14 มิลลิกรัม, เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม, วิตามินบี1 0.08 มิลลิกรัม และวิตามินซี 24 มิลลิกรัม (วิวัฒน์ พันธวุฒิยานนท์/2541) ชื่อ : ทุเรียนเทศ, ทุเรียนน้ำ, ทุเรียนแขก, หมากเขียบหลด, มะทุเรียน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annona muricata ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ทุเรียนเทศ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล กิ่งอ่อนมีสีน้ำตาลแดง กิ่งแก่ขนจะร่วงหลุด ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ โคนใบมน ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา หลังใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบเรียบสีอ่อนกว่า ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามลำต้นหรือกิ่ง ดอกสีเหลืองอวบหนา มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยม กลีบดอกมี 6 กลีบ แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นนอก 3 กลีบ งองุ้มรูปหัวใจ ปลายกลีบแหลม กลีบดอกชั้นในมี 3 กลีบ ขนาดเล็กกว่า ผล : เป็นผลกลุ่ม ผิวเป็นหนามแหลมทั้งผล สีเขียว เนื้อในสีขาว รับประทานได้ เมล็ดยาวรีสีดำ สรรพคุณทางยา ผลสุก : รับประทานแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ผลดิบ : รับประทานแก้โรคบิด เมล็ด : ใช้สมานแผลห้ามเลือด ใช้เบื่อปลาและฆ่าแมลง ใบ : นำมาขยี้ผสมกับปูนทาบริเวณท้องแก้ท้องอืด ใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้ไอ ปวดตามข้อ ผลงานวิจัยสำคัญที่ผ่านมามีดังนี้ -สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) พบคุณสมบัติสำคัญว่า ทุเรียนเทศสามารถ "สยบ" อณูมะเร็งในหลอดทดลองได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะ มะเร็งยอดฮิต อย่างมะเร็งเต้านม รังไข่ ลำไล้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก ตับ ปอด ตับอ่อน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง -องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา รับรองผลในการ "เสริมภูมิ" ของทุเรียนเทศนี้ว่า ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี สู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้ ตัวอย่างเช่น โรคติดเชื้อไวรัสเริม และเชื้อพยาธิ -มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ได้รับการสนับสนุนการศึกษาและต่อมาได้ยืนยันว่า ทุเรียนเทศเป็นศัตรูตัวร้ายของมะเร็งในมนุษย์จริง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากและตับอ่อน -มหาวิทยาลัยคาทอลิกในเกาหลีใต้ ได้นำสารสกัดของทุเรียนมาเทียบกับยา "เคมีบำบัด" ซึ่งจัดเป็นยาฆ่ามะเร็งที่มีฤทธิ์แรงทั้งต่อตัวมะเร็งเองและตัวคนไข้ ปรากฎว่า ทุเรียนเทศชิงที่ 1 อย่างขาดลอย การรับประทาน : ใบชาที่ทำให้แห้งโดยวิธี Air Dry จะทำให้ได้ประโยชน์ในการรักษาเข้มข้นขึ้น เมื่อใบแห้งแล้วฉีกใบเป็นชิ้นเล็กๆ และตวงให้ได้ 1 ถ้วยตวงต่อน้ำ 1 ลิตร นำไปต้ม และลดไฟให้ต่ำ เคี่ยวอีก 20 นาที ใช้ดื่ม 3 ถ้วย ต่อวัน รับประทานก่อนอาหาร 30 นาที ดื่มน้ำชาแบบนี้ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เพื่อฆ่าเชื้อแบตทีเรียในร่างกาย หากต้องการดื่มติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ร่างกายยังไม่ดีขึ้น ให้พักซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจึงค่อยรับประทานชาต่อ ในการทำชา ต้องเลือกใบที่ไม่แก่เกินไป หรือใบที่มีสีเขียวเข้มเกินไป ควรใช้ใบที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อประโยชน์สูงสุด

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากสีดา

สรรพคุณและประโยชน์ของฝรั่ง 33 ข้อ !  ฝรั่ง ชื่อสามัญ Guava ฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn. จัดเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก และคาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธุ์ในบ้านเราที่นิยมนำมารับประทานสดๆ ก็ได้แก่ฝรั่งกิมจู ฝรั่งเวียดนาม ฝรั่งแป้นสีทอง ฝรั่งไร้เมล็ด ฝรั่งกลมสาลี่ เป็นต้น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด ในฝรั่งน้ำหนัก 165 กรัม จะให้วิตามินสูงถึง 377 มิลลิกรัม ! มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 5 เท่า ! คำแนะนำ : การรับประทานฝรั่งไม่ควรจะปอกเปลือกทั้งนี้เพื่อคงคุณค่าของสารอาหาร และไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป ถ้าเป็นไปได้ไม่ควนรับประทานร่วมกับพริกเกลือน้ำตาลหรืออื่นๆ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้เราอ้วนขึ้นอีกด้วย คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ 165 กรัม • พลังงาน 112 กิโลแคลอรีสรรพคุณของฝรั่ง • เส้นใยอาหาร 8.9 กรัม 36% • โปรตีน 4.2 กรัม 8% • ไขมัน 1.6 กรัม 2% • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม 8% • วิตามิน

ประโยชน์ดีดีจากกีวี

กีวี

ประโยชน์ของเผือก

“โอ่วไน” เป็นภาษาจีนที่แปลว่า เผือก เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงชอบทานกันไม่ว่าจะเอามาทำเป็นของหวานอย่างเช่น ข้าวเหนียวปิ้งใส่เผือก บวชเผือก เผือกทอดบัวลอยเผือก แต่การทานเผือกนั้นต้องทำให้สุกเพราะในเผือกดิบจะมีพิษ สังเกตุได้จากการที่เราปลอกเปลือกเผือก ก็จะรู้สึกคัน ถ้าใครแพ้เผือกก็จะมีอาการคันช่องปากหรือลิ้นชา เผือกมีสรรพคุณมีมากมายทีเดียวเรามาดูกัน เผือก - เผือกมีฤทธิ์เป็นกลาง เป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพและให้พลังงานไปพร้อม ๆ กัน มีรสหวานอมเผ็ดนิดหน่อยเหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร เผือกมีแคลอรีสูงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ส่วนที่ใช้ในการรับประทานคือส่วน หัว ของเผือกที่อยู่ใต้ดิน เผือกจะมีสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินบี 1 วิตามินซี และที่สำคัญมีธาตุเหล็กสูงและยังมีฟลูอออไรด์สูง ช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง เผือกยังช่วยบำรุงไต บำรุงลำใส้และแก้อาการท้องเสียอีกด้วย สรรพคุณ เผือก ถ้าคุณอยากทานเผือกเพื่อบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง วิธีใช้ ต้มเผือก 100 กรัม กับข้าว 100 กรัม ต้มให้เป็นโจ๊ก และทานได้เลย ในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้ การทานโจ๊กเผือก ก็จะทำ